สมาร์ทโฟน

สมาร์ทโฟน สเปคแรง ราคาถูก เล่นเกมลื่น

สมาร์ทโฟน สเปคแรง ราคาถูก

หัวข้อแนะนำ

สมาร์ทโฟน สเปคแรง ราคาถูก  เล่นเกมลื่นPUBG และ ROV เป็นตัวอย่างของเกมที่ได้รับความนิยมในการเล่นผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเกมที่ถูกออกแบบมาให้รองรับกับการเล่นในมือถือ เล่นได้หลายคนพร้อม ๆ กันอย่างสนุกสนาน แต่การเล่นเกมเหล่านี้นั้นต้องใช้มือถือที่มีประสิทธิภาพและการประมวลผลที่ดีพอสมควร แน่นอนว่าถ้าซื้อมือถือตัวเรือธงหลักหลายหมื่นก็ทำได้ แต่หากมีงบจำกัด การซื้อมือถือสำหรับเล่นเกม ราคาไม่เกิน 10,000 บาทนั้นจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับในบทความนี้เราก็ได้รวบรวมวิธีการเลือกมือถือเล่นเกมอย่างง่าย ๆ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟน และยังมี 10 อันดับ มือถือเล่นเกม ในงบราคาไม่เกิน 10,000 บาทที่มาแรง สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล แบตอึด รองรับทั้งการเล่นเกมและสตรีมมิ่งมาฝากกันอีกด้วย

1.เลือกมือถือเล่นเกมจาก CPU โทรศัพท์เล่นเกม สมาร์ทโฟน สเปคแรง ราคาถูก

สมาร์ทโฟน สเปคแรง ราคาถูก  ในปัจจุบันผู้ผลิตชิปเซตที่ค่อนข้างแพร่หลายนั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 บริษัท ได้แก่ Qualcomm และ MediaTek ซึ่ง 2 แบรนด์นี้มีแนวทางในการออกแบบชิปเซตที่ค่อนข้างแตกต่างกันชัดเจน และอย่างที่หลายคนทราบกัน ถ้าจะเล่นเกม Qualcomm Snapdragon นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ เนื่องจากทางแบรนด์เน้นในเรื่องการออกแบบประสบการณ์การเล่นเกมค่อนข้างมาก ซึ่งวิธีการเลือกชิปเซตสำหรับ Gaming Phone แบบแบ่งออกมาตามระดับราคานั้น ขอแนะนำดังนี้

・ระดับเริ่มต้น ควรจะใช้ Qualcomm Snapdragon 695 หรือ Snapdragon 720g โดยควรจะคู่กับ RAM 8GB และ ROM 128GB ขึ้นไป โดยชิปเซตในระดับนี้จะสามารถเล่นเกมได้พอประมาณ Frame Rate อาจจะมีกระตุกบ้างหากเล่นเกมที่มีกราฟิกสูง เช่น Genshin Impact

・ระดับกลาง ให้มองหาโทรศัพท์ที่ใช้ Qualcomm Snapdragon 765 หรือ Snapdragon 778 ขึ้นไป

・ระดับเรือธง ให้มองหาโทรศัพท์ที่ใช้ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 หรือ Snapdragon 8 Gen 2 ( สำหรับปี 2023 )

สำหรับผู้ที่เล่นเกมแบบ Casual ทั่ว ๆ ไป แนะนำให้เลือกในระดับเริ่มต้นจนถึงระดับกลาง อย่าง Snapdragon 695 ก็จัดว่าเพียงพอแล้ว หรืออาจจะเป็นชิปเซตที่มีระดับต่ำลงมาอย่าง Qualcomm Snapdragon 680 หรือ MediaTek Dimensity 700 ก็ย่อมได้ แต่ถ้าเป็นคนที่เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ และต้องการความลื่นไหล การเลือกชิปเซตตัวเรือธงเลยก็คุ้มค่ากว่าในระยะยาว เพราะยิ่งชิปเซตมีประสิทธิภาพสูง Frame Rate ก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยครับ

2.เลือกโทรศัพท์เล่นเกมที่มีหน่วยความจำและ RAM เหมาะสม

จริง ๆ แล้วในเรื่องของปริมาณ RAM นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ รองลงมาจากชิปเซตที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น ๆ แต่ถ้าเป็นใน Gaming Phone แล้วล่ะก็ เราควรเลือกโทรศัพท์ที่ให้ RAM มาขั้นต่ำ 8GB และเวอร์ชันเทคโนโลยีของ RAM ควรจะเป็น LPDDR4 ขึ้นไป เพราะต้องยอมรับว่า คุณภาพของกราฟิกและการกินทรัพยากรเครื่องของเกมในปัจจุบันนั้นค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นเกมที่ออกในปี 2021 เป็นต้นมา มีการหยิบ Engine Game ประเภท Unity และ Unreal Engine มาใช้ในการสร้างเกมค่อนข้างมาก ซึ่งเกมที่สร้างจาก Unity จะไม่ค่อยกินกราฟิกเยอะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกเกมพัซเซิลหรือ Casual ทั่วไป แต่กลับกัน เกมที่สร้างจาก Unreal Engine จะมีกราฟิกที่อลังการกว่า ทำให้กินทรัพยากรในเครื่องมากกว่า

สำหรับผู้ที่มีงบประมาณไม่เกิน 10,000 บาท RAM LPDDR4 ก็เป็นตัวเลือกที่หาได้ไม่ยาก หรือในช่วงลดราคาก็อาจจะสามารถจับจองโทรศัพท์ที่มี RAM LPDDR4x ซึ่งเป็นระดับเวอร์ชันที่สูงขึ้นมาได้เช่นกันแน่นอนว่า ถ้าเป็นคนที่เล่นเกมประเภท Casual Play ไม่ได้มีการแข่งขัน หรือชิงจังหวะกัน เราก็อาจจะโทรศัพท์ที่มี RAM ไม่ต้องสูงมากก็ได้ เอาแค่พอเล่นได้ก็พอ แต่ถ้าเป็นคนที่เล่นเกมแนว MOBA, FPS ที่ต้องมีการชิงไหวชิงพริบอยู่ตลอดเวลา การกระตุกเพียงครั้งเดียว จาก Performance ตัวเครื่องที่ไม่ดีพอ ก็อาจจะทำให้เกมนั้น เราเสียเปรียบขึ้นมาทันทีเลยก็ได้นั่นเองครับนอกจากนี้ หลายคนอาจจะสับสนระหว่าง RAM กับ ROM ซึ่งทั้งสองตัวนั้นเป็นคนละส่วนกัน โดย ROM นั้นหลัก ๆ จะเปรียบเสมือนหน่วยความจำภายในเครื่อง จึงนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณา โดยสิ่งที่ใช้พิจารณาก็คือ คุณเล่นเกมกี่เกม เพราะยิ่งเล่นหลายเกม ก็ยิ่งต้องใช้พื้นที่เยอะในการติดตั้ง ดังนั้น สำหรับเกมเมอร์ที่เล่นเกมบนโทรศัพท์เป็นประจำ ขอแนะนำให้มองหา ROM 128GB ขึ้นไป

ตรวจสอบค่า Refresh Rate ของมือถือเล่นเกม และความละเอียดของหน้าจอโทรศัพท์เล่นเกม

Refresh Rate คือ จำนวนภาพที่กระพริบในหนึ่งวินาทีบนหน้าจอโทรศัพท์ของเรา ซึ่งยิ่งตัวเลขยิ่งเยอะ ความลื่นไหลของภาพก็จะเยอะตามไปด้วย โดยถ้าเล่นเกมประเภท MMORPG หรือ MOBA อาจจะไม่ได้เห็นประโยชน์ หรือข้อได้เปรียบจากหน้าจอ Refresh Rate สูง ๆ มากนัก แต่ถ้าเล่นเกมในแนว FPS หรือ Battle Royale เช่น Call of Duty หรือ Free Fire ที่ต้องสังเกตรอบตัวอยู่ตลอด การมีภาพที่ลื่นไหลจะช่วยให้เราเห็นศัตรูรอบตัวได้เร็วกว่า และมี Reaction กลับไปได้เร็วกว่าเช่นกัน โดยปัจจุบันมาตรฐานใหม่ของโทรศัพท์ในระดับกลางไปจนถึงระดับเรือธง จะมีค่า Refresh Rate ของหน้าจออยู่ที่ 90Hz – 120Hzหรือถ้าเป็นใครที่เล่นเกมโดยใช้ลำโพงจากตัวเครื่องเป็นหลักก็ควรเลือกโทรศัพท์ที่ให้ลำโพง Stereo มา และควรจะมีคุณภาพที่ดีประมาณหนึ่ง เพราะว่าเวลาเล่นเกมจำพวก FPS, Battle Royale นั้น ยิ่งลำโพงดี การ Tracking เสียงจากทิศทางต่าง ๆ ก็จะแม่นยำขึ้นไปด้วย และสำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าในกลุ่มมือถือเล่นเกมที่มีราคาไม่เกิน 10,000 บาทจะมีรุ่นที่มีระบบเสียง Dolby Atmos หรือไม่ จริง ๆ แล้วก็นับว่ามี แต่ค่อนข้างน้อย เช่น Redmi Note 11 Pro เป็นต้น  สมาร์ทโฟน สเปคแรง ราคาถูก